ทีมชาติสเปน ตกรอบในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบ 16 ทีมสุดท้ายหลังพ่ายจุดโทษให้กับทีมชาติรัสเซีย 4-3 ประตู ใน ในแมทช์ล่าสุดที่ มอสโกว ซึ่งทั้ง 2 ทีมนั้นมีสกอร์เสมอกัน 1-1 ประตูจนกระทั่งจบช่วงทดเวลา โดยตลอดการแข่งขันนั้นทีมชาติสเปนเป็นฝ่ายคุมเกมส์มาตลอด
“พวกเราลืมสังหารประตูที่ 2” ประโยคสุดคลาสสิคที่ถูกกล่าวไว้โดย จอห์นนี่ เร็ป ตำนานแข้งชาวดัช หลังจากที่ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ในยุคที่ยิ่งใหญ่ “ส่งบอลกันไปส่งบอลกันมา” ก่อนที่จะถูกทางทีมชาติเยอรมันเขี่ยตกรอบในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1974 ที่มิวนิค ซึ่งในขณะนี้ทีมชาติสเปนกลายเป็นทีมล่าสุดที่ทำผิดพลาดซ้ำรอยพวกเขาหลังจากที่ถูกทีมชาติรัสเซียเขี่ยตกรอบ
ทุกอย่างดูเหมือนจะง่ายดายเมื่อสเปนเป็นฝ่ายขึ้นนำก่อนในการแข่งขันนัดล่าสุด ต้องขอบคุณ เซอร์เก อิ๊กนาเชวิช ที่สังหารประตูตัวเองในช่วงต้นเกมส์ แต่หลังจากนั้นได้ไม่นาน รัสเซีย ก็แผลงฤทธิ์ทำเกมส์บุกขึ้นมาอีกครั้งจนทำให้ เคราร์ด ปิเก้ ทำแฮนด์บอลจนเปิดโอกาสให้ อาร์เทม ซูบา สังหารประตูตีเสมอได้ในช่วง 5 นาทีก่อนหมดเวลาการแข่งขันครึ่งแรก และจากจุดโทษในครั้งนี้นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนของสเปนเลยก็ว่าได้
เวลาผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง ทั้ง 2 ทีม ก็ยังไม่สามารถทำประตูได้ จนกระทั่งการแข่งขันเดินมาถึงช่วงยิงจุดโทษ โกเก้ และ ยาโก้ อัสปาส สังหารจุดโทษพลาดถูกทาง อิกอร์ อคินเฟเยฟ เซพเอาไว้ได้ และนั่นทำให้การคุมเกมส์ตลอดช่งวเวลาการแข่งขันของสเปนไม่มีความหมายอะไรเลย เพราะพวกเขาต้องพ่ายจุดโทษและตกรอบไปในที่สุด
สิ่งสำคัญสำหรับการแข่งขันที่ผ่านมาก็คือสถิติการจ่ายบอลของทีมชาติสเปนที่น่าสูงจนน่าตกใจโดยอยู่ที่ราว 1,000 ครั้ง สเปนนั้นแทบจะไม่ได้ยิงประตูเลยในช่วง 45 นาทีแรก ซึ่งนับเป็นสถิติที่แย่ที่สุดตลอดการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์นี้ของพวกเขา โดยค่าเฉลี่ยที่พวกเขาไม่ได้ยิงเข้ากรอบเลยคิดเป็นเวลาถึง 40 นาที
ทางด้านของทีมชาติรัสเซียนั้นเน้นรูปแบบของเกมส์ไปที่การตั้งรับและนักเตะทุกคนของเขามีความขยันมาก รวมไปถึงในการแข่งขันนัดล่าสุดนั้นถึงแม้ว่าสเปนจะไม่ค่อยได้มีจังหวะอันตรายมากสักเท่าไร แต่หลายครั้งที่บุกมาได้นั้นสเปนก็ไม่สามารถทำประตูได้เช่นกัน