โรแบร์โต้ มาติเนซ นำทัพทีมชาติเบลเยี่ยมจารึกประวัติศาสตร์การแข่งขันฟุตบอลโลก นับเป็นการสร้างสรรค์ผลงานอันยอดเยี่ยมให้แฟนบอลทั้งโลกจดจำ
ต้องเรียกได้ว่าทีมชาติเบลเยี่ยมชุดนี้เป็น “ยุคทอง” นับจากชุดนักเตะในปี 1986 ของเบลเยี่ยมที่เคยไปได้ไกลจนถึงแชมป์โลก และการแข่งขันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็นการจารึกประวัติศาสตร์ในวงการฟุตบอลด้วยการทำผลงานอันน่าประทับใจจากการคว้าชัยทีมที่แข็งแกร่งอย่างทีมชาติอังกฤษที่ St. Petersburg
ทีมชาติเบลเยี่ยมได้ โทมัส มูนิเยร์ และ อีเด็น อาซาร์ สังหารประตูคว้าชัยจากทีมชาติอังกฤษภายใต้การคุมทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่กำลังเหน็ดเหนื่อยจากการแข่งขันนัดก่อนหน้า นั่นหมายความว่าทีมชาติเบลเยี่ยมจะเดินทางกลับบ้านด้วยเหรียญทองแดงและอันดับที่ 3 ของการแข่งขันฟุตบอลโลกนัดนี้
“เราต้องการชัยชนะ” มาร์ติเนซ บอสใหญ่ทีมชาติเบลเยี่ยม กล่าว “เมื่อคุณเป็นทีมที่สามารถเอาชนะทีมอย่างบราซิลและผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้ สิ่งเดียวที่คุณจะต้องทำก็คือโฟกัสกับการเอาชนะในศึกฟุตบอลโลกต่อไป คุณต้องทำมันอย่างจริงจัง ฝึกซ้อมและทำงานอย่างหนัก เพราะว่าหลังจากจบทัวร์นาเมนต์มันจะทำให้คุณมองย้อนกลับมาแล้วภูมิใจกับมัน”
“ผลงานของนักเตะชุดนี้นับว่าเป็นการจารึกประวัติศาสตร์ให้กับทีมชาติเบลเยี่ยม และไม่ว่าจะยังไงก็ตาม นักเตะเหล่านี้ควรจะได้รับเกียรติและการชื่นชม”
“นักเตะเบลเยี่ยมชุดที่ไปแข่งขันฟุตบอลโลกที่ประเทศเม็กซิโกในปี 1986 เป็นแรงบันดาลใจและทัศนคติที่ดีสำหรับนักเตะเบลเยี่ยมทุกคนตลอดเวลา ในตอนนี้นักเตะชุดล่าสุดนี้ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งฮีโร่ที่จารึกประวัติศาสตร์ในรอบ 32 ปีของพวกเรา มันเป็นอะไรที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก และผมคิดว่านี่เป็นความสำเร็จอย่างนึงของพวกเรา”
“มันเป็นสิ่งที่พวกเราสมควรจะได้รับ เราลงแข่งขันด้วยฟุตบอลแบบเบลเยี่ยม มันเป็นอัตลักษณ์ของพวกเรา ความสามัคคี ความยืดหยุ่น และแทคติกในแบบของพวกเราที่อยากจะแสดงให้กับทีมอื่น ๆ และแฟนบอลชาติอื่น ๆ ได้เห็น”
“นับเป็นการเดินทางที่ดี และเรียกได้ว่าเป็นการเดินทางที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในเส้นทางฟุตบอล สิ่งสำคัญสำหรับพวกเราก็คือพยายามที่จะพัฒนาและก้าวเดินทางต่อไป เราต้องเตรียมต่อให้พร้อมสำหรับโอกาสที่กำลังจะเข้ามาในภายภาคหน้า”